หลวงพ่อจง (พระอธิการจง พุทฺธสโร)
หลวงพ่อจงสู่ร่มกาสาวพัสตร์
ในปี พุทธศักราช 2435 เมื่ออายุครบวช โยมบิดามารดา จึงได้จัดพิธีอุปสมบถให้โดย ณ พัทธสีมา วัดหน้าต่างใน โดยมีหลวงพ่อสุ่น เจ้าอาวาสวัดบางปลาหมอ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์อินเจ้าวัดหน้าต่างนอกเป็นพระกัมมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โพธิ์ วัดหน้าต่างใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า พุทธสโร ภิกขุ
หลวงพ่อจง ได้พำนักจำพรรษา อยู่ ณ วัดหน้าต่างใน ศึกษาพระปริยตธรรม และธรรมสิกขา พร้อมด้วยฝึกฝนในอักษรสมัย ทั้งขอมและไทย จากพระอาจารย์เจ้าอาวาส จนมีความรู้ปราดเปรื่องชำนาญ จนใครๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมหลวงพ่อจงไม่มีลักษณะเป็นผู้งมโข่งหรืออุ้ยอ้าย อับปัญญาดุจดั่งที่มีบุคคลิกอัน อ่อนแอ ส่อสำแดงว่า น่าจะเป็นไปในทางทึบหรืออับ หลวงพ่อจงพลิกความเข้าใจของโยม และวงค์ญาติ ให้เป็นการกลับตาลปัตรไปไกลกว่านั้น โดยนอกจากศึกษารู้เเจ้ง ในพระธรรมและภาษาหนังสือจนแตกฉานเเล้ว ไม่ช้าไม่นาน ยังสามารถรับการถ่ายทอดวิทยาการในแขนงว่าด้วยคุณเวทวิทยาคมขลัง จากพระอาจารย์โพธิ์ เจ้าอาวาสวัดหน้าต่างใน ซึ่งท่านเป็นผู้้มีชื่อเสียงโด่งดังมีผู้ศรัทธาเลื่อมใสไพศาลในยุคนั้นมาได้ ขนาดว่าหมดสิ้นภูมิความรู้ของพระอาจารย์ และก็ไม่ได้หยุดยั้งแค่นั้น หลวงพ่อจงยังได้พากเพียร แสวงหาความรู้ไม่ขาด รู้ว่าที่ไหนมีพระอาจารย์ดี มีผู้เคารพนับถือมาก ในวิชาหรือเจนจบในวิทยาการหนึ่งวิทยาการใด ท่านไปเสาะแสวงหาหนทางนำตนไปนมัสการ น้อมยอมเป็นสานุศิษศึกษาวิชาอย่างไม่ท้อถอย ไม่มีกลัวความลำบาก ในการต้องบุกป่าฝ่าหนาม ข้ามทุ่งใกลๆ ซึ่งสมัยนั้นไปไหนต้องใช้พาหนะเท้า เดินย่ำกันเป็นหลัก
ต่อมาจึง ได้ไปศึกษาเรียนวิชาปฏิบัติกรรมฐานเรียนวิชากับพระอาจารย์หลวงพ่อปั้น เกจิอาจารย์ของวัดพิกุล ซึ่งท่านมีชื่อเสียงเกียรติศัพท์ โด่งดังมาก จนได้รับสมญาว่าเป็น พระมหาเถระ ฝ่ายอรัญวาสีผู้ยิ่งใหญ่รูปนึง หมั่วศึกษาและพากเพียรด้วยอิทธิบาตรอัน แก่กล้าช้านาน จนในที่สุด ทั่งถูกฝนกลายเป็นเข็ม เป็นผลสำเร็จ
กาลต่อมา หลวงพ่อจงจึงได้รับการขนานนามเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเจริญกรรมฐาน ประเภท อสุภะ ปฏิกูล โดยที่ท่านมีบุคคลิกภาพ เปี่ยมพร้อมสมบูรณ์ สำหรับการปฏิบัติเจริญภาวนา เหมาะสมกับสภาวะนั้นได้ โดยปราศจากอารมหวาดหวั่น หวาดไหว เป็นต้น..