จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

พิธีสะเดาะเคราะต่อชะตาเสริมบารมี ประจำปี2557 วัดหน้าต่างนอก

ขอเชิญร่วมพิธีสะเดาะเคราะต่อชะตาเสริมบารมี ประจำปี2557 
ในวันอาทิตย์ที่  5 มกราคม พ.ศ.2557


- เริ่มประกอบพิธีเป่ามนต์ นะเมตตา เวลา 13.39 น.
- มีอาหารเครื่องดื่ม ไว้ดูแลท่านผู้ร่วมพิธี ฟรี
- มีวัตถุมงคล สำหรับท่านผู้ร่วมพิธี เป่ามนต์นะเมตตา เพื่อความเจริญรุ่งเรื่อง ต้อนรับปีนักษัตรมะเมีย







ปีชง คือ คนที่เกิดในปีชวด ได้แก่คนที่เกิดใน พ.ศ.2467 2479 2491 2503 2515 2527 2539 และพ.ศ.2551
ปีร่วมชง คือ คนที่เกิดในปีมะเมีย ปีเถาะ และปีระกา ได้แก่ คนที่เกิดใน พ.ศ.2460 2461 2464 2472 2473 2476 2484 2485 2488 2496 2497 2500 2508 2509 2512 2520  2521  2524 2532 2533 2536 2544 2545 และปี พ.ศ.2548


 สำหรับ ดวงปีชง พ.ศ.2557 นี้คนที่เกิดในปีมะเมียและคนที่เกิดในเดือนมิถุนายนหากทำอะไรเสี่ยงจะส่งผล เสีย หรือเกิดผลร้าย ต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตอย่างมีสติ รอบคอบ ห้ามประมาทอย่างเด็ดขาด คนดวงชงเบาๆ หรือที่เรียกว่าปีปะทะ คือ ปีเถาะและปีระกา จะถูกคนอื่นเบียดเบียนให้เสียหาย เดือดร้อน หรือถูกคนใส่ร้าย ถูกหมางเมินและถูกเข้าใจผิด ส่วนดวงเฮงปีพ.ศ.2557คือ ชาวปีมะโรง ปีมะเส็ง และปีวอก คนโสดมีโอกาสดีถึงขั้นได้แต่งงาน เป็นปีมหาเสน่ห์ของคนที่เกิดปีนี้ คนที่เกิดปีจอจะเป็นปีเฮงระดับหนึ่ง ส่วนคนที่เกิดปีระกาจะมีอุปสรรคเยอะ ให้เน้นศึกษาธรรมะและสวดมนต์ไหว้พระมากๆ



คำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
                ดูก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมด จะเป็น เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่าน จงอย่าลืมความตาย นั่นหมายถึงว่า การจุติ ลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์ว่า มนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวังทุกอย่าง ต้องใช้แรงงาน แต่ว่ามาเป็นเทวดา มาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความ ไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด ร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่นไม่ต้องห่มผ้าและมีความปรารถนาสมหวัง ก็หมายความถ้าจะไปทางไหน ก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใด ความป่วยไม่มี ความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ท่านทั้ง หลายจงอย่ามัวเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่า เราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาล ตลอดสมัย


            ทั้งนี้เพราะอะไรเพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี มีอายุจำกัดตามบุญวาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้อง จุติ คือ ตาย แต่ว่าท่านทั้งหลาย จงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมทั้งหมด ที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยเจ้าที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก จงอย่าลืมว่าทุกท่านยังมีบาปติดตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติๆ ยังมีมากมาย "


(พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจ ดูร่างกายเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ในหนามาก เป็นอันว่า ทุกองค์ ต่างองค์ ต่างมีบาป แต่ก็มา เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แล้วก็ดูตัวเอง เวลานั้น ร่างกายของตัวเอง ก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกัน ต่อไปองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า)
        " ภิกขุเว..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์) และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด จงอย่าลืมว่า ทุกท่าน มีบาป ติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อย ก่อนจะตาย จิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิด บนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่า ท่านจุติเมื่อไร โน่น..นรก (ท่านชี้มือลงเห็นนรกไฟสว่างจ้า แดงฉานไปหมด) ท่านทั้งหลาย จะต้องพุ่งหลาว ลงนรก เพราะใช้กฎของกรรมคือบาป ชำระหนี้บาป กว่าจะมาเกิดเป็นคนก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะ ได้กลับมาเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหมใหม่ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่า เป็นคนอาจจะทำบาปใหม่ อาจลงนรกไปใหม่ก็ ได้ฉะนั้นเมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดีพรหมก็ดี เป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพาน ระหว่างมนุษย์กับนิพพานเป็น อันว่า ท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่าน ท่านทั้งหลายจงดูนั่น นิพพาน "

        (ท่านยกมือชี้ขึ้น ให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดา นางฟ้า กับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกันเห็นพระนิพพาน ไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือ สีแก้ว แพรวพราว เป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลาย ที่อยู่ที่นั่น มีความสุขขนาดไหนมี ความเข้าใจหมด รู้หมดเห็นหมดแล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคต ก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า)
        " ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ถ้าบุญวาสนาบารมี ของเรานี้ สิ้นสุดลงเราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์เรา จะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียว และ การไป นิพพานนี่ ท่านทั้งหลายต้องยึด อารมณ์พระนิพพาน เป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดานางฟ้าเก่าๆ ก็ดี อาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมีความเข้าใจแล้ว ก็แสดงว่า พรหม เทวดา นางฟ้าเก่าๆ เป็นพระอริยเจ้ามาก ที่มีความเป็นห่วง ก็เป็นห่วง เทวดา นางฟ้าใหม่ๆ ที่มาเกิดใหม่ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความจะมีความเพลิดเพลิน ในความเป็นทิพย์ ยังมี ความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อนอันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้ เพื่อพระนิพพาน นั่นคือ จงมีความรู้สึกว่า เราจะต้องจุติวันนี้ ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่ เป็นของที่ไม่แน่นอน



 เราจะ ตายเมื่อไหร่ก็ ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่ เป็นของไม่เที่ยง
        เมื่อคิดอย่างนี้แล้วทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดี ของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่าน ทั้งหลายควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่าน มีความศรัทธา มีความเคารพ ในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการ ขั้นที่สอง ที่ท่านจะไปนิพพานได้ หลังจากนั้น ขอท่านทั้งหลาย จงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็น ศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรมบถ ศีล 10 ก็ตาม ศีล 227 ก็ตาม

------------------------------------------------------------------------------------------------------------